Sunday, September 14, 2008

Lamb's Cabin Sep 12-14, 2008




ทริปนี้เป็นทริปที่วิเศษและพิเศษอีกทริปหนึ่ง เพราะไปกับเพื่อนใหม่ แพท เคธี่ อเลน แรนดี ไปแจมกับพ่อแม่ของแพท โดนัลด์กะลินดา และน้องสาวของแพท เจสสิกาและเพื่อนๆ ที่แลมป์เคบิน ด้วยเหตุผลที่ว่าแพท อยากให้เราออกไปทำอะไรที่แตกต่างจากทุกวันที่เช้าไปแลบค่ำกลับบ้าน อยากให้เราทำในสิ่งที่ใจเราต้องการทำบ้าง เคบินอยู่ที่ดีทรอยด์เลคห่างจากฟาร์โกไปประมาณ 45 นาที พวกเราห้าคนเดินทางออกจากแกรนด์ฟอร์คประมาณสามทุ่ม เพราะต้องรอเคธี่เลิกงาน วันนี้เราไม่ได้ไปทำงานด้วยหละ เพราะเมื่อคืนหฤหัสไปเที่ยวกะเคธี แล้วก้ออเลน โดยมีแพทเป็นสารถีขับรถไปส่งและรับหลังจากพวกเราสนุกได้ที่ วันศุกร์ก็เลยเบี้ยวงานซะเลย กลับมาเก็บเสื้อผ้าเตรียมไปเที่ยว ระหว่างรอเวลาเดินทางแพทพามาตีปิงปองกะแรนดีที่หอของแรนดี ซึ่งอยู่ถัดจากอพารต์เมนต์เราไปประมาณสองบล็อก จากนั้นก็ไปเล่นดิสก์กอล์ฟกันที่ลินคอร์นปาร์ค ซึ่งเป็นปาร์คที่จัดปิกนิกของคณะ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรากะแพทสนิทกัน อ้อได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกสองคนเป็นรูมเมทของแรนดี ทอดด์กะแบรนดี ถึงเวลาเดินทางเคธีเป็นคนขับรถไปฟาร์โก แวะที่บ้านแพทเพื่อเปลี่ยนรถ เจอกะลินดาแม่แพทที่นี่ น่ารักเชียว คำถามที่ทุกคนถามเหมือนกันตั้งแต่พ่อแม่ของแพท และเพื่อนๆ ของแพทคือ ทำแลบที่เดียวกะแพทเหรอหรือเป็นเพื่อนร่วมชั้นเคธี ฮ่าฮ่า ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง คำตอบที่เราตอบเหมือนกันทุกรอบคือ ห้องแลบอยู่ติดกัน แพทกะเจ้านายมักจะเข้าไปขอยืมสารเคมีและอุปกรณ์ก็เลยรู้จักกัน แพทขับรถจากบ้านไปที่เลค ถึงเลคก็ไม่มีใครบอกเลยนะว่าคนที่นั่งอยู่หนะพ่อแพท แถมไฟก็สลัวๆ ทุกคนเซย์ไฮเราก็ไฮด้วย เพิ่งนึกได้ทีหลังว่าตายหละหวาพ่อแพทนี่นา ทำไมชั้นไม่เข้าไปแนะนำตัว เพราะตอนที่เซย์ไฮ พ่อแพทตอบกลับมาว่าไฮจอย ยังแปลกใจอยู่เลย เอ๊ะทำไมรู้จักชื่อเรา กว่าจะนึกออกก็สายไปเสียแล้ว เอาของขึ้นไปเก็บที่ห้องเรียบร้อยก็ลงไปก่อกองไฟกัน พยายามกันอย่างหนักกว่าจะได้กองไฟที่เห็น เพราะก่อนหน้านี้ฝนตก ไม้ที่ใช้ก็เลยเปียกไปหมด แต่และแล้วก็ไม่เกินความพยายามของแพทก็ได้กองไฟให้เราอุ่นสบายท่ามกลางพระจันทร์เกือบจะเต็มดวงอย่างที่เห็น พ่อกะน้องสาวแพทและเพื่อนๆ ตามมาสมทบที่รอบกองไฟ พ่อแพทก็น่ารักมากพยายามชวนเราคุย คงเห็นว่าเราเป็นเพื่อนใหม่ของลูกชายไม่อยากให้เรารู้สึกแตกต่างจากคนอื่น หลังจากที่ทุกคนค่อยๆ ทยอยเข้าบ้านกัน ก็เหลือเรา แรนดี อเลน และแพท นอนดูดาวกันรอบกองไฟน่านแหละ แถมแรนดีตล๊กๆ พยายามตีหินจุดไฟอยู่น่านแหละ ตีอยู่ได้เป็นนาน จำไม่ได้ว่ากลับเข้าบ้านกันตอนไหน รู้แต่ว่าดึกมากแล้ว





เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นเช้ากว่าคนอื่น แต่ยังสายกว่าพ่อของแพท เราลงมาชงกาแฟกินและนั่งคุยกะพ่อแพท ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพ่อของแพท พ่อของแพทบอกว่ามีอยู่สองอย่างที่ไม่เคยตายคือความคิดและความฝัน เราเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่เรามาอยู่เมกาก็เพราะความฝันนั่นแหละ เป็นความฝันของทั้งเราและทั้งของพ่อเราเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นโปรแกรมแลกเปลี่ยนเราก็ได้อยู่ที่นี่นานกว่านักเรียนไทยคนอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แต่ที่โชคดีแน่ๆ คือโชคดีที่ได้รู้จักแพท ครอบครัวและเพื่อนๆ ของแพท วันนี้พ่อแพทมีหน้าที่ทำอาหารเช้าและกลางวันให้เพื่อนๆ ของลูกชายและลูกสาว พ่อแพทบอกเราว่าที่เค้าสร้างเคบินนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าเค้ารู้ดีว่าวันนึงลูกของเค้าก็ต้องแยกออกไปอยู่ที่อื่นกะคนอื่น การที่จะทำให้ลูกๆ กลับมาหาเค้าได้ก็คือต้องมีซักที่นึงที่เป็นจุดรวมของทั้งเค้า ลูกๆ และเพื่อนของลูกๆ เค้าก็เลยสร้างเคบินนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่มันต้องใช้เวลาและใช้เงินอย่างมากมายมหาศาล แต่เค้าก็ประสบความสำเร็จ ลูกๆ กลับมาหาเค้าพร้อมๆ กับเพื่อน วันนี้แพทขับเรือพาเรากะเพื่อนๆ ไปชมรอบๆ ทะเลสาบ สายๆ แม่แพทตามมาสบทบ ทุกคนก็เป็นห่วงเรามากโดยเฉพาะพ่อของแพท เพราะอากาศค่อนข้างเย็น ก็เลยให้เราลงไปแช่อ่างน้ำร้อนเล่นกะเคธีและอเลน ส่วนสองหนุ่มแพทกะแรนดีออกไปขี่เจ็ตสกี แม่แพททำอาหารเย็น ส่วนน้องสาวแพทและเพื่อนๆ ก็เล่นเกมส์กัน ซึ่งมีเกมส์และเครื่องเล่นสารพัดในเคบินหลังนี้ ตอนบ่ายอากาศดีขึ้นพ่อแพทก็เลยขับเรือออกไปให้ลูกๆ เล่นสกีน้ำกะเสิร์ฟบอร์ด สนุกกันใหญ่ ส่วนเราก็นั่งหนาวสั่นเชียวเพราะลมแรงอากาศค่อนข้างเย็น แต่ก็ได้รูปมาอย่างที่เห็นน่านแหละ







หลังกลับเข้าบ้านก็หากิจกรรมทำกันตามที่ตัวเองปรารถนา กิจกรรมสุดโปรดของเด็กๆ บ้านนี้ก็คือเล่นร็อคแบนด์ ก็คือตีกลอง ดีดกีตาร์ ร้องเพลง ตามโนตที่ขึ้นให้บนจอคอมพิวเตอร์คล้ายคาราโอเกะบ้านเราน่านแหละ ที่นี่หรูกว่าหลายเท่า น้องแพทชอบนักเชียวกะตีกลองเนี่ย วอร์มมาจากแกรนด์ฟอร์คก่อนแล้วด้วยนะเนี่ย อีกอย่างที่น้องแพทชอบก็คือเล่นเมจิกการ์ดกะแรนดี ดูยังไงก็ไม่เข้าใจ มันบอกว่าเป็นเกมส์ที่ท้าทายต้องใช้สมอง เออเอาเหอะ คืนวันเสาร์ก็ไม่มีไรทำมกนัก หลังจากกินอาหารเย็นฝีมือแม่แพทแล้วก็แยกย้ายกันไปตามใจชอบ แพทก็ห่วงเราอยู่น่านหละ ก็เราเล่นไรไม่เป็นเลยนี่นา สรุปว่ามันสอนให้เล่นไพ่ สุดท้ายมันก็ชนะเราไป แถมเราได้แผลที่หลังมือไว้เป็นที่ระลึก ก็ช่วยควานหาไพ่ที่หล่นได้โซฟา โดนไรไม่รู้เลือดไหลเลยอ่ะ ตอนนี้แผลยังไม่แห้งเลย จริงๆ แล้วก็เป็นแค่รอยขีดยาวๆ แต่เพราะเราล้างมือบ่อยตอนทำแลบเลยไม่แห้งซะที สรุปว่าคืนนั้นก็จะหาหนังไปดูกัน แต่ตกลงกันไม่ได้ว่าจะดูเรื่องไหนเพราะเยอะเกิน เราก็เลยแอบขึ้นไปนอน ซักพักแพทไปตามบอกว่าเลือกหนังได้แล้วและทำป๊อบคอร์นแล้วด้วยให้ไปดูหนังกะกินป๊อบคอร์นด้วยกัน แต่เรานี่ง่วงนอนเต็มที่แล้วก็เลยไม่ได้ออกไป แต่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะตื่นมาอาบน้ำ ตื่นมาเที่ยงคืนกว่าแล้ว อาบน้ำเสร็จออกไปแจมกับเพื่อนๆ ทุกคนยังอยู่พร้อม เล่นเกมส์กันอยู่ มีต่แพทที่แอบหลับ ตื่นมาก็หิวเลยลงไปหาของว่างกินกัน แล้วเอาหนังขึ้นมาดู เรื่องไรรู้ปะ ท็อปกัน เราเพิ่งดูไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอก็ทีวีเอามาฉายแล้วฉายอีก ทุกคนก็ดูกันแล้วจนบางคนจะจำได้อยู่แล้วว่าพูดไรบ้าง แต่ก็ยังสนุกกันอยู่กะการนั่งนับเพลงว่ามีทั้งหมดกี่เพลงหนังจบเข้านอนตีสามกว่าได้แล้วมั้ง









วันอาทิตย์เราตื่นเช้าอีกตามเคย วันนี้ลงมาเจอแม่แพทเตรียมอาหารกะทำความสะอาดบ้านอยู่ เราก็เลยได้ช่วย สรุปว่าได้คุยกะทั้งพ่อและแม่ของแพท วันนี้ข้างนอกลมแรงเลยไม่ได้ออกไปไหนกัน สายๆ กินข้าวเที่ยงแล้วก็ออกไปช่วยเก็บเรือ เก็บเจ๊ตสกี เพราะหมดหน้าร้อนแล้ว โชคดีจริงๆ ที่เราได้มีโอกาสมาที่เลค เพราะเป็นวันสุดท้ายจริงๆ หลังจากกินข้าวเย็นแล้วก็ช่วยกันเก็บครัว ขนอาหารกลับบ้าน เพราะคงไม่มีใครมาที่นี่ในช่วงหน้าหนาวอีกแล้ว ขากลับแพทเป็นคนขับกลับ ถึงแกรนด์ฟอร์คประมาณทุ่มนึงได้มั้ง พอดีเจ้านายแพทโทร.มาว่าจะให้เราช่วยเปิดห้องแลบให้หน่อยเพราะแกจะขอใช้เครื่องมือ หลังจากแวะส่งแรนดีที่หอแล้วเราก็มาที่แลบกะแพท กว่าจะได้กลับหอก็เกือบสามทุ่ม แพทก็ยังไม่วายจะถามเราว่าไปเที่ยวสนุกมั้ย เพราะกลัวว่าเราจะไม่สนุก ช่างดีแสนดีซะเหลือเกิน จะหาเพื่อนที่ดีเท่านี้ได้อีกมั้ยเนี่ย จนถึงวันนี้เราก็ยังตอบคำถามตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมแพทถึงต้องมาดูแลเราด้วย

2 Comments:

At 3:42 AM, Blogger matoom said...

ว้าว..ว้าว... มีความสุขอ่ะจิ มีเด็กหนุ่มพาเที่ยว น่าอิจฉาจริงๆ

 
At 1:33 PM, Blogger Joy said...

ก็ไม่ยอมพาเค้าเที่ยวนี่ ก็เลยต้องเกาะเด็กไปนะจิ

 

Post a Comment

<< Home