Sunday, September 28, 2008

Great Grand Forks Symphony Orchestra Sep 27, 2008



เมื่อคืนได้มีโอกาสไปดูการแสดงของ Great Grand Forks Symphony Orchestra ที่หอประชุม Chester Fritz ของ UND มา โดยมิได้มีแพลนล่วงหน้า ปกติจะไปไหนทีแพลนเป็นเดือน เมื่อวันศุกร์เจ้านายให้บัตรลอเรลมาสองใบ เพราะแกไปดูไม่ได้ไปเลคอีกตามเคย ลอเรลก็เลยชวนเรา เราก็ตอบตกลงทันที โอกาสเช่นนี้คงหาได้ไม่ง่าย ถึงจะไม่มีความถนัดในตัวโน้ตเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ก็ขอเข้าไปดูดซับบรรยากาศเหอะ นัดกันหน้าหอประชุม การแสดงสุดยอดอลังการณ์ และที่ทำให้เราตื่นเต้นมากไปกว่านั้นคือบนเวทีมีทอดด์เพื่อนใหม่เราอยู่ด้วยโดยเราก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลย อีกคนก็คือนาธาน เราไม่เห็นบนเวทีเพิ่งมาเจอกันที่ประตูทางออก แล้วก็มีอาจารย์จากโรงเรียนแพทย์ที่เราทำแลบอยู่อีกสองคน เท่าที่เรารู้จักนะ ส่วนคนที่มาดูก็คุ้นๆ หน้าหลายคน การแสดงใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ขากลับบ้านถอดรองเท้าเดินซะเลย เพราะใส่ส้นสูงไปถ้าไม่ถอดคงใช้เวลาเดินซัก 30 นาทีมั้งกว่าจะถึงบ้าน ถอดรองเท้าเดินแค่สิบนาที จริงๆ แล้วตอนที่เดินมาหอประชุมก็ถอดรองเท้าระหว่างทางเพราะเกรงว่าจะถึงที่นัดสาย 555 เราทำได้อีกแล้ว ก็ที่นี่อเมริกานี่นา เมืองอิสระอย่างที่เจ้านายเราพูดกะเราเสมอๆ เวลาเราเข้าไปคุยกะแกแล้วเราเริ่มต้นคำถามว่าเราขออนุญาตถามอะไรหน่อยได้มั้ย แกก็จะบอกว่า this is a free country you can ask and do everything you want

Saturday, September 27, 2008

Still Alive Sep 2008

STILL ALIVE

This was a triumph.
I'm making a note here: huge success.
It's hard to overstate my satisfaction.
Aperture science.
We do what we must because we can.
For the good of all of us
Except the ones who are dead.
(Chorus 1)
But there's no sense crying over every mistake
You just keep on trying till you run out of cake
And the science gets done and you make a neat gun
For the people who are still alive.
I'm not even angry.
I'm being so sincere right now.
Even though you broke my heart and killed me.
And tore me to pieces.
And threw every piece into a fire.
And as they burned it hurt because I was so happy for you.
(Chorus 2)
Now these points of data make a beautiful line
And we're out of beta we're releasing on time.
So I'm glad I got burned think of all the things we learned
For the people who are still alive
Go ahead and leave me.
I think I prefer to stay inside.
Maybe you'll find someone else to help you.
Maybe Black Mesa -
That was a joke. Haha. Fat chance.
Anyway, this cake is great:
It's so delicious and moist.
(Chorus 3)
Look at me still talking when there's science to do.
When I look out there it makes me glad I'm not you.
I've experiments to run there is research to be done
On the people who are still alive
And believe me I am still alive.
I'm doing science and I'm still alive.
I feel fantastic and I'm still alive.
While you're dying I'll be still alive.
And when you're dead I will be still alive.
Still alive
Still alive

Ellen McLain

Friday, September 26, 2008

I'm still alive Sep 2008

These are those days, when I can get no sleep
I'm so tired I'd like to fall into sleep
I fall in my bed
But still I'm awake

These questions in my mind are so much bigger than life
But my life is short and I have to leave them behind
I have to try to forget
That I am still in my bed

In my deepest fears I'm losing you
Even if somebody tried to stop my heart
I'm still alive I will never give up

Just turn off the lights
Don't wanna see me die
I look like I'm dead
But when you look at me
I am still alive

Just open your eyes
Don't wanna see me cry
I'm right here where you want me to be
Fighting with myself

All I need to feel is your breath on my skin
This endless longing between you and me
We can't give up now
We're gonna make it somehow

In my sweetest dreams I'm with you
Even if somebody tried to stop my heart
I'm still alive I will never give up

Just open your eyes
Don't wanna see me cry
I'm right here where you want me to be
fighting with myself, with myself

Won't you open your eyes
Don't wanna see me cry
I'm right here where you want me to be
fighting with myself
I'm right here where you want me to be
fighting with myself
I'm right here where you want me to be
fighting with myself, with myself.
Ooh, I look like I'm dead
but when you look at me
I'm still alive

Good Times at Whitey's Sep 24, 2008

วันนี้เรามีข่าวดีสองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกก็คือ เจ้านายเราส่งงานของเราไปตีพิมพ์แล้ว หลังจากที่เรารอวันนี้มาเกือบแปดเดือนเต็ม เรื่องที่สองก็คือ ดร.คอมส์ ชวนเรามาทำงานกะแกหลังจากจบแล้ว เราก็เลยชวนเพื่อนๆ ออกไปฉลองกัน กว่าจะได้ออกไปก็สามทุ่มกว่าแล้ว รอหนุ่มเทร็นท์อาบน้ำนานเป็นชาติ พอเทร็นท์พร้อมคนที่มีปัญหาก็คือแพท ต้องเป็นคนรั้งท้ายเสมอทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไร อย่างวันนี้ก็มีปัญหากะรองเท้า แต่ทุกคนชินแล้ว เราก็เริ่มๆ จะชินแล้ว ตกลงกันว่าจะไปทีร้าน Whitey's อยู่ที่ East Grand Forks ใกล้ๆ กะ Blue Moose นั่นแหละ กว่าจะได้กินก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ดีไม่เป็นลมซะก่อน แถมถูกแพทกะเพื่อนๆ บังคับให้กินเบียร์ของมันที่เหลือ เด็กๆ แค่ครึ่งแก้ว ก็เบียร์เมการสชาติไม่ต่างกะน้ำปล่าวซะเท่าไหร่ ถ้าเป็นที่เมืองไทยเราก็คงตายไปแล้ว แต่ว่าไปหลังจากนั่งซักพักก็เริ่มมึนๆ เหมือนกัน แถมขากลับก็มีเรื่องสนุกให้ทำ ก็พอเจอไฟแดงพวกเราสี่คน มีเทร็นท์ กู๊ส จอร์จ แล้วก็เรา วิ่งลงจากรถสลับที่นั่งกัน สองไฟแดง แล้วก็นั่งหัวเราะกันเหมือนเป็นคนบ้า สนุกดี ลืมอายุตัวเองไปเลยอ่ะ แถมเทร็นท์ก็ย้ำอยู่นั่นแหละ Good times Good Times เราก็เห็นด้วย ถ้าเราไม่มีเพื่อนพวกนี้ก็คงนอนเบื่ออยู่บ้านแล้วหละ อีกอย่างเราว่าเราได้ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นด้วยนะ ถึงอพาร์ตเมนต์ แพทกะเทร็นท์ก็ไปเล่น Ripstik Skateboard เห่อไม่เลิก โดยเฉพาะแพทเพราะเพิ่งซื้อมา แถมเอามาโชว์ด้วยนะว่าของมันสีฟ้า เพราะเห็นเราชอบสีฟ้า ชวนให้เราเล่น เราไม่เอา ยังไงก็ยังอยากกลับเมืองไทยอยู่ คืนนี้เราไม่อยากค้างกะพวกมันก็เลยให้แพทมาส่งที่บ้าน

Sunrise in Grand Forks September 21, 2008






Sunday, September 14, 2008

Lamb's Cabin Sep 12-14, 2008




ทริปนี้เป็นทริปที่วิเศษและพิเศษอีกทริปหนึ่ง เพราะไปกับเพื่อนใหม่ แพท เคธี่ อเลน แรนดี ไปแจมกับพ่อแม่ของแพท โดนัลด์กะลินดา และน้องสาวของแพท เจสสิกาและเพื่อนๆ ที่แลมป์เคบิน ด้วยเหตุผลที่ว่าแพท อยากให้เราออกไปทำอะไรที่แตกต่างจากทุกวันที่เช้าไปแลบค่ำกลับบ้าน อยากให้เราทำในสิ่งที่ใจเราต้องการทำบ้าง เคบินอยู่ที่ดีทรอยด์เลคห่างจากฟาร์โกไปประมาณ 45 นาที พวกเราห้าคนเดินทางออกจากแกรนด์ฟอร์คประมาณสามทุ่ม เพราะต้องรอเคธี่เลิกงาน วันนี้เราไม่ได้ไปทำงานด้วยหละ เพราะเมื่อคืนหฤหัสไปเที่ยวกะเคธี แล้วก้ออเลน โดยมีแพทเป็นสารถีขับรถไปส่งและรับหลังจากพวกเราสนุกได้ที่ วันศุกร์ก็เลยเบี้ยวงานซะเลย กลับมาเก็บเสื้อผ้าเตรียมไปเที่ยว ระหว่างรอเวลาเดินทางแพทพามาตีปิงปองกะแรนดีที่หอของแรนดี ซึ่งอยู่ถัดจากอพารต์เมนต์เราไปประมาณสองบล็อก จากนั้นก็ไปเล่นดิสก์กอล์ฟกันที่ลินคอร์นปาร์ค ซึ่งเป็นปาร์คที่จัดปิกนิกของคณะ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรากะแพทสนิทกัน อ้อได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกสองคนเป็นรูมเมทของแรนดี ทอดด์กะแบรนดี ถึงเวลาเดินทางเคธีเป็นคนขับรถไปฟาร์โก แวะที่บ้านแพทเพื่อเปลี่ยนรถ เจอกะลินดาแม่แพทที่นี่ น่ารักเชียว คำถามที่ทุกคนถามเหมือนกันตั้งแต่พ่อแม่ของแพท และเพื่อนๆ ของแพทคือ ทำแลบที่เดียวกะแพทเหรอหรือเป็นเพื่อนร่วมชั้นเคธี ฮ่าฮ่า ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง คำตอบที่เราตอบเหมือนกันทุกรอบคือ ห้องแลบอยู่ติดกัน แพทกะเจ้านายมักจะเข้าไปขอยืมสารเคมีและอุปกรณ์ก็เลยรู้จักกัน แพทขับรถจากบ้านไปที่เลค ถึงเลคก็ไม่มีใครบอกเลยนะว่าคนที่นั่งอยู่หนะพ่อแพท แถมไฟก็สลัวๆ ทุกคนเซย์ไฮเราก็ไฮด้วย เพิ่งนึกได้ทีหลังว่าตายหละหวาพ่อแพทนี่นา ทำไมชั้นไม่เข้าไปแนะนำตัว เพราะตอนที่เซย์ไฮ พ่อแพทตอบกลับมาว่าไฮจอย ยังแปลกใจอยู่เลย เอ๊ะทำไมรู้จักชื่อเรา กว่าจะนึกออกก็สายไปเสียแล้ว เอาของขึ้นไปเก็บที่ห้องเรียบร้อยก็ลงไปก่อกองไฟกัน พยายามกันอย่างหนักกว่าจะได้กองไฟที่เห็น เพราะก่อนหน้านี้ฝนตก ไม้ที่ใช้ก็เลยเปียกไปหมด แต่และแล้วก็ไม่เกินความพยายามของแพทก็ได้กองไฟให้เราอุ่นสบายท่ามกลางพระจันทร์เกือบจะเต็มดวงอย่างที่เห็น พ่อกะน้องสาวแพทและเพื่อนๆ ตามมาสมทบที่รอบกองไฟ พ่อแพทก็น่ารักมากพยายามชวนเราคุย คงเห็นว่าเราเป็นเพื่อนใหม่ของลูกชายไม่อยากให้เรารู้สึกแตกต่างจากคนอื่น หลังจากที่ทุกคนค่อยๆ ทยอยเข้าบ้านกัน ก็เหลือเรา แรนดี อเลน และแพท นอนดูดาวกันรอบกองไฟน่านแหละ แถมแรนดีตล๊กๆ พยายามตีหินจุดไฟอยู่น่านแหละ ตีอยู่ได้เป็นนาน จำไม่ได้ว่ากลับเข้าบ้านกันตอนไหน รู้แต่ว่าดึกมากแล้ว





เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นเช้ากว่าคนอื่น แต่ยังสายกว่าพ่อของแพท เราลงมาชงกาแฟกินและนั่งคุยกะพ่อแพท ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพ่อของแพท พ่อของแพทบอกว่ามีอยู่สองอย่างที่ไม่เคยตายคือความคิดและความฝัน เราเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่เรามาอยู่เมกาก็เพราะความฝันนั่นแหละ เป็นความฝันของทั้งเราและทั้งของพ่อเราเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นโปรแกรมแลกเปลี่ยนเราก็ได้อยู่ที่นี่นานกว่านักเรียนไทยคนอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แต่ที่โชคดีแน่ๆ คือโชคดีที่ได้รู้จักแพท ครอบครัวและเพื่อนๆ ของแพท วันนี้พ่อแพทมีหน้าที่ทำอาหารเช้าและกลางวันให้เพื่อนๆ ของลูกชายและลูกสาว พ่อแพทบอกเราว่าที่เค้าสร้างเคบินนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าเค้ารู้ดีว่าวันนึงลูกของเค้าก็ต้องแยกออกไปอยู่ที่อื่นกะคนอื่น การที่จะทำให้ลูกๆ กลับมาหาเค้าได้ก็คือต้องมีซักที่นึงที่เป็นจุดรวมของทั้งเค้า ลูกๆ และเพื่อนของลูกๆ เค้าก็เลยสร้างเคบินนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่มันต้องใช้เวลาและใช้เงินอย่างมากมายมหาศาล แต่เค้าก็ประสบความสำเร็จ ลูกๆ กลับมาหาเค้าพร้อมๆ กับเพื่อน วันนี้แพทขับเรือพาเรากะเพื่อนๆ ไปชมรอบๆ ทะเลสาบ สายๆ แม่แพทตามมาสบทบ ทุกคนก็เป็นห่วงเรามากโดยเฉพาะพ่อของแพท เพราะอากาศค่อนข้างเย็น ก็เลยให้เราลงไปแช่อ่างน้ำร้อนเล่นกะเคธีและอเลน ส่วนสองหนุ่มแพทกะแรนดีออกไปขี่เจ็ตสกี แม่แพททำอาหารเย็น ส่วนน้องสาวแพทและเพื่อนๆ ก็เล่นเกมส์กัน ซึ่งมีเกมส์และเครื่องเล่นสารพัดในเคบินหลังนี้ ตอนบ่ายอากาศดีขึ้นพ่อแพทก็เลยขับเรือออกไปให้ลูกๆ เล่นสกีน้ำกะเสิร์ฟบอร์ด สนุกกันใหญ่ ส่วนเราก็นั่งหนาวสั่นเชียวเพราะลมแรงอากาศค่อนข้างเย็น แต่ก็ได้รูปมาอย่างที่เห็นน่านแหละ







หลังกลับเข้าบ้านก็หากิจกรรมทำกันตามที่ตัวเองปรารถนา กิจกรรมสุดโปรดของเด็กๆ บ้านนี้ก็คือเล่นร็อคแบนด์ ก็คือตีกลอง ดีดกีตาร์ ร้องเพลง ตามโนตที่ขึ้นให้บนจอคอมพิวเตอร์คล้ายคาราโอเกะบ้านเราน่านแหละ ที่นี่หรูกว่าหลายเท่า น้องแพทชอบนักเชียวกะตีกลองเนี่ย วอร์มมาจากแกรนด์ฟอร์คก่อนแล้วด้วยนะเนี่ย อีกอย่างที่น้องแพทชอบก็คือเล่นเมจิกการ์ดกะแรนดี ดูยังไงก็ไม่เข้าใจ มันบอกว่าเป็นเกมส์ที่ท้าทายต้องใช้สมอง เออเอาเหอะ คืนวันเสาร์ก็ไม่มีไรทำมกนัก หลังจากกินอาหารเย็นฝีมือแม่แพทแล้วก็แยกย้ายกันไปตามใจชอบ แพทก็ห่วงเราอยู่น่านหละ ก็เราเล่นไรไม่เป็นเลยนี่นา สรุปว่ามันสอนให้เล่นไพ่ สุดท้ายมันก็ชนะเราไป แถมเราได้แผลที่หลังมือไว้เป็นที่ระลึก ก็ช่วยควานหาไพ่ที่หล่นได้โซฟา โดนไรไม่รู้เลือดไหลเลยอ่ะ ตอนนี้แผลยังไม่แห้งเลย จริงๆ แล้วก็เป็นแค่รอยขีดยาวๆ แต่เพราะเราล้างมือบ่อยตอนทำแลบเลยไม่แห้งซะที สรุปว่าคืนนั้นก็จะหาหนังไปดูกัน แต่ตกลงกันไม่ได้ว่าจะดูเรื่องไหนเพราะเยอะเกิน เราก็เลยแอบขึ้นไปนอน ซักพักแพทไปตามบอกว่าเลือกหนังได้แล้วและทำป๊อบคอร์นแล้วด้วยให้ไปดูหนังกะกินป๊อบคอร์นด้วยกัน แต่เรานี่ง่วงนอนเต็มที่แล้วก็เลยไม่ได้ออกไป แต่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะตื่นมาอาบน้ำ ตื่นมาเที่ยงคืนกว่าแล้ว อาบน้ำเสร็จออกไปแจมกับเพื่อนๆ ทุกคนยังอยู่พร้อม เล่นเกมส์กันอยู่ มีต่แพทที่แอบหลับ ตื่นมาก็หิวเลยลงไปหาของว่างกินกัน แล้วเอาหนังขึ้นมาดู เรื่องไรรู้ปะ ท็อปกัน เราเพิ่งดูไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอก็ทีวีเอามาฉายแล้วฉายอีก ทุกคนก็ดูกันแล้วจนบางคนจะจำได้อยู่แล้วว่าพูดไรบ้าง แต่ก็ยังสนุกกันอยู่กะการนั่งนับเพลงว่ามีทั้งหมดกี่เพลงหนังจบเข้านอนตีสามกว่าได้แล้วมั้ง









วันอาทิตย์เราตื่นเช้าอีกตามเคย วันนี้ลงมาเจอแม่แพทเตรียมอาหารกะทำความสะอาดบ้านอยู่ เราก็เลยได้ช่วย สรุปว่าได้คุยกะทั้งพ่อและแม่ของแพท วันนี้ข้างนอกลมแรงเลยไม่ได้ออกไปไหนกัน สายๆ กินข้าวเที่ยงแล้วก็ออกไปช่วยเก็บเรือ เก็บเจ๊ตสกี เพราะหมดหน้าร้อนแล้ว โชคดีจริงๆ ที่เราได้มีโอกาสมาที่เลค เพราะเป็นวันสุดท้ายจริงๆ หลังจากกินข้าวเย็นแล้วก็ช่วยกันเก็บครัว ขนอาหารกลับบ้าน เพราะคงไม่มีใครมาที่นี่ในช่วงหน้าหนาวอีกแล้ว ขากลับแพทเป็นคนขับกลับ ถึงแกรนด์ฟอร์คประมาณทุ่มนึงได้มั้ง พอดีเจ้านายแพทโทร.มาว่าจะให้เราช่วยเปิดห้องแลบให้หน่อยเพราะแกจะขอใช้เครื่องมือ หลังจากแวะส่งแรนดีที่หอแล้วเราก็มาที่แลบกะแพท กว่าจะได้กลับหอก็เกือบสามทุ่ม แพทก็ยังไม่วายจะถามเราว่าไปเที่ยวสนุกมั้ย เพราะกลัวว่าเราจะไม่สนุก ช่างดีแสนดีซะเหลือเกิน จะหาเพื่อนที่ดีเท่านี้ได้อีกมั้ยเนี่ย จนถึงวันนี้เราก็ยังตอบคำถามตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมแพทถึงต้องมาดูแลเราด้วย

Monday, September 08, 2008

8th Trip: Badlands Medora ND Sep 5-7, 2008















ทริปที่แปดในเมกา สนุกดี เวลาเดินทางกะลังดีไม่เหนื่อย อาจเป็นเพราะอากาศไม่ร้อนเหมือนบ้านเรามั้ง คืนแรกที่ไปถึงก็ดึกแล้ว เข้าโรงแรม อาบน้ำนอน วันต่อมาก็ขับรถไป Badlands อยู่ที่ Theodore Roosevelt National Park อย่าถามนะว่าทำไมชื่อนี่ เอาเป็นว่าจริงๆ แล้วมันไม่ bad อย่างชื่อ อยากรู้ก็เข้าไปหาใน net นะ กิจกรรมก็คือขับรถตามทางไปเรื่อยๆ ตรงไหนสวยก็ลงถ่ายรูป ข้างทางก็จะมีสัตว์อาศัยอยู่ ชนิดแรกที่เจอเลยก็ Prairie dog มันจะขุดรูอยู่ใต้ดิน ภาษาไทยตัวไรก็ไม่รู้ไม่ได้เปิดศัพท์ดู อากาศค่อนข้างหนาว 10-12 องศาเซลเซียส แต่ก็สู้ตายค่ะ เพื่อจะได้รูปอันงาม เสื้อกันหนาวไม่ใส่ แถมกางเกงขาสั้น จากนั้นก็ตามหาควาย Bison กัน highlight ของ trip นี้อีกเหมือนกัน แต่มันขี้อายไม่ยอมออกมาโชว์โฉมเลย เพราะอากาศคงหนาวเลยแอบกันหมด ทำให้เดผิดหวังที่ไม่สามารถหาควายให้เราดูได้ แต่เราก็พยายามบอกว่าไม่เป็นไร กว่าจะขับรถทั่วทั้งปาร์คก็ประมาณบ่ายสาม กลับมาพักที่โรงแรม หกโมงครึ่งออกไปกิน pizza กัน อย่อย ขนาดพี่ไม่ชอบกิน แต่ถ้าจะว่าไป pizza เมกาก็หร่อยกว่าบ้านเราอยู่แล้ว เสร็จก็ไปดู Medora musical กัน ซึ่งถือว่าเป็น highlight ของ trip นี้อีกเช่นเดียวกัน คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของการแสดงด้วย เพราะหมด summer แล้ว เป็นเวทีกลางแจ้งอยู่บนภูเขา ก็ทำนองละครเพลงน่านแหละ อลังการณ์ดี ใช้เวลาในการแสดงสองชั่วโมงครึ่ง หนาวโคตรๆ ขนาดเสื้อกันหนาวและผ้าห่มยังเอาไม่อยู่เลย ตลกดีทุกคนก็จะมีผ้าห่มห่มกัน ยังโชคดีที่ฝนไม่ตก หลังจากเลิกเกือบเดินกลับไม่ถึงรถเพราะยิ่งดึกยิ่งหนาว ประมาณยิ่งสูงยิ่งหนาวอ่ะ ต้องเดินวนขึ้นเขาตั้งหลายรอบกว่าจะถึงรถ แต่ตอนขาลงไปดูนี่หรู ลงบันไดเลื่อน และแล้วก็หมดไปอีกหนึ่งวันกะหนึ่งคืน วันที่สองก็ออกจากโรงแรมแต่เช้า กินอาหารเช้าและกลางวันในรถ ก็แวะซื้อตามปั๊มนั่นแหละ เพราะวันนี้ต้องขับรถไกล และต้องกลับให้ทันคืนรถที่เช่าไปประมาณสองทุ่ม ที่แรกที่ไปก็คืออีกส่วนหนึ่งของปาร์คซึ่งอยู่ทางตอนเหนือขึ้นไป วันนี้เราโชคดีทุกคน happy โดยเฉพาะเด เพราะควาย Bison ออกมารอรับตรงประตูทางเข้าเลย ส่วนนี้ใช้เวลาไม่นานเพราะเค้าปิดซ่อมถนน แต่เจอสัตว์เยอะมาก แต่ไม่เจอญาติเรา งงละซิ ลิงไง ก็มีกวาง มี Turkey เดมันบ้าลงไปไล่ turkey กะลูกชายพี่หน่อง เพราะจะถ่ายรูปตอนที่มันบิน หอบแฮกๆ มาขึ้นรถ ตอนจะขับรถออกจากปาร์คโชคดีมากๆ เจอควาย Bison อีกสามตัว จากนั้นก็ขับรถกลับ ข้างทางก็คล้ายๆ กับที่สวีเดน เป็นที่โล่งๆ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์มั่ง ทุ่งหญ้าบ้าง ท่อขุดน้ำมันเป็นระยะ เมืองนี้เป็นเมืองคนรวย เพราะมีน้ำมันดิบอยู่ใต้ดินเยอะมาก ขากลับแกรนด์ฟอร์คก็ผ่าน lake Sakakawea หาประวัติอ่านเอานะ แล้วก็ผ่าน Devils lake มีเรือตกปลาด้วยหละ เล่นก็มีบ่อน casino ใหญ่มากๆ แล้วก็ผ่านไปดูที่เดไป hunting มันเห็นเป็ดอยู่ใน lake เป็นไม่ได้ นั่งแปง แปง ตลอด วันที่ 27 กันยา เป็นวันแรกของการ hunting ที่นี่ มันก็ไปยิงเป็ดมากินอีกน่านแหละ และแล้วเราก็กลับถึงแกรนด์ฟอร์คกันโดยสวัสดิภาพ เมื่อเวลาประมาณห้าโมงเย็น เป็นอันว่า Trip ที่แปดของเราในเมกาก็สิ้นสุดลง Trip หน้าน่าจะเป็น camping ที่เดิม Itasca park ประมาณวันที่ 4-5 ตุลาคม ก่อนการเดินทางอันแสนไกลไปสวีเดน อ้อ ลืมบอกว่าโชคดีมากๆ กลับถึงบ้านอินเดียนแดงบุก ทั้งๆ ที่ควรจะบุกอาทิตย์หน้า สงสัยเป็นฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เมื่อคืนก่อนเข้าไปกระตุ้น